แรนิทิดีน (Ranitidine)
แรนิทิดีน (Ranitidine)
ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง :
กระเพาะอาหาร เภสัชกรรม
อาการที่เกี่ยวข้อง :
ปวดท้องจากกรดในกระเพาะอาหาร บทนำ
แรนิทิดีน หรือ รานิทิดีน (Ranitidine) เป็นยาที่เป็นสารเคมีที่มีกลไกแข่งขันหรือยับยั้งการทำงานของสารฮีสตามีน (Histamine) ที่เรียกว่า Histamine H2 receptor antagonist ทำ ให้การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารลดน้อยลง จึงถูกนำมาใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และลดภาวะกรดไหลย้อน
ยาแรนิทิดีนเกิดขึ้นจากทีมวิจัยของบริษัทแกล็กโซสมิทไคล์น (Glaxo) อีกทั้งยังทำการศึก ษาเปรียบเทียบกับยาลดกรดตัวอื่น เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine) พบว่าผลข้างเคียงของแรนิทิดีนมีน้อยกว่า จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในเชิงการตลาดที่จะนำยาแรนิทิดีนเข้าสู่สถานพยาบาลหลายแห่งของประเทศ
องค์การอนามัยโลกจัดยาแรนิทิดีนอยู่ในหมวดยาจำเป็นของระบบสาธารณสุขมูลฐานของแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทยเราจัดแรนิทิดีนอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติและอยู่ในหมวดยาอันตราย เพราะมีผลข้างเคียงและข้อห้ามใช้จำเพาะในแต่ละกลุ่มของผู้ป่วย
เมื่อร่างกายได้รับยาแรนิทิดีน ตัวยาจะจับกับโปรตีนในกระแสเลือดประมาณ 15% จากนั้น แรนิทิดีนจะถูกลำเลียงส่งไปที่อวัยวะตับ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี ต้องใช้เวลาประมาณ 2 -3 ชั่วโมงในการกำจัดยาออกจากร่างกาย 50% โดยผ่านไปกับปัสสาวะ
ถึงแม้ยาแรนิทิดีนจะถูกใช้รักษาผู้ป่วยทั่วโลกเป็นจำนวนมากก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนทั่วไปจะหาซื้อมารับประทานเองได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น การใช้ยานี้จึงยังคงต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
ยาแรนิทิดีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาแรนิทิดีนมีสรรพคุณคือ
- รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
- รักษาและบรรเทาอาการกรดไหลย้อน
- รักษาภาวะกรดหลั่งออกมามากเกินไป เช่น โรค Zollinger - Ellison syndrome
- ใช้ควบคู่กับยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เพื่อป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอา หาร
- ใช้เป็นยาร่วมกับยาอื่นในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย H.pylori ที่อยู่ในกระเพาะอาหาร (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคติดเชื้อเอชไพโลไร)
- ป้องกันภาวะกรดในกระเพาะอาหารสำลักเข้าสู่หลอดลมก่อนการผ่าตัด (Acid - aspira tion pneumonia)
- รักษาภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร)
ยาแรนิทิดีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาแรนิทิดีนมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ผนังของกระเพาะอาหาร โดยจะแข่งขันและป้องกันไม่ ให้สารฮีสตามีน (Histamine) เข้าจับกับตัวรับ (Receptor) ที่เรียกว่า Histamine H2 receptors อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้ Histamine ไปกระตุ้นการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร ด้วยกลไกดัง กล่าว อาการของโรคจะค่อยๆหายและดีขึ้นเป็นลำดับ
ยาแรนิทิดีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาแรนิทิดีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายดังนี้
- รูปแบบยาเม็ด ขนาดความแรง 150 และ 300 มิลลิกรัม/เม็ด
- รูปแบบยาฉีด ขนาดความแรง 50 มิลลิกรัม/2 มิลลิลิตร
ยาแรนิทิดีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาแรนิทิดีนมีขนาดรับประทานดังนี้
ก. ขนาดรับประทานของยาแรนิทิดีน สำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป คือ
- สำหรับแผลในกระเพาะ - ลำไส้ชนิดเฉียบพลัน: รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัมเช้า -เย็น หรือรับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หากต้องรับประทานนานกว่านี้ ให้ลดขนาดรับประทานเป็น 150 มิลลิกรัมวันละครั้ง ก่อนนอน
- สำหรับป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารเมื่อใช้ร่วมกับยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs: รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น หรือรับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัมครั้งเดียวก่อนนอน เป็นเวลาติดต่อกัน 8 - 12 สัปดาห์
- สำหรับรักษาแผลในลำไส้ที่มีการติดเชื้อ H.pylori ร่วมด้วย: รับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง ก่อนนอน หรือรับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง กรณีโรคนี้ จำเป็นต้องใช้ยาแรนิทิดีนร่วมกับตัวยาอื่นๆเช่น ยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
- สำหรับรักษาอาการกรดไหลย้อน: รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น หรือรับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 8 - 12 สัปดาห์ หากอาการโรคมีความรุนแรงมากอาจต้องรับประทานเป็นครั้งละ 150 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ขึ้นไป
- สำหรับโรค Zollinger - Ellison syndrome: รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้ง ขนาดรับประทานอาจปรับสูงได้ถึง 6 กรัม/วัน สามารถรับประทานยาก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
ข. ขนาดรับประทานของยาแรนิทิดีนในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จะขึ้นกับน้ำหนักตัวเด็ก และอายุของเด็ก ซึ่งการใช้ยาต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์เท่านั้น
*****หมายเหตุ
ยาแรนิทิดีนยังมีขนาดรับประทานอีกหลายอาการ หลายภาวะ/โรค ที่มีขนาดยาแตกต่างกันออกไปที่มิได้กล่าวถึง จึงเป็นเหตุผลว่า การใช้ยาอย่างถูกต้องปลอดภัย ควรต้องเป็นไปตามคำ สั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาแรนิทิดีน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาแรนิทิดีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาแรนิทิดีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยาแรนิทิดีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาแรนิทิดีนอาจก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) คือ ลมพิษ มีไข้ หลอดลมหดเกร็งทำให้หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ เจ็บหน้าอก เป็นต้น
มีข้อควรระวังการใช้ยาแรนิทิดีนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาแรนิทิดีน ดังนี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่แพ้ยาแรนิทิดีน
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยด้วยโรคไต
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีประวัติแพ้แสงแดด หญิงตั้งครรภ์ หญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงเด็กทารก จนกระทั่งผู้สูงอายุ
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
***** อนึ่ง
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาแรนิทิดีนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด ) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาแรนิทิดีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาแรนิทิดีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นดังนี้
- การใช้ยาแรนิทิดีนร่วมกับยาบางตัวที่รักษาโรคเอชไอวี อาจทำให้การดูดซึมของยารักษาโรคเอชไอวีลดลง ส่งผลต่อประสิทธิผลของการรักษา หากต้องใช้ยาร่วมกันควรต้องปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสมโดยแพทย์ผู้รักษาก่อน ยารักษาโรคเอชไอวีดังกล่าว เช่น Atazana vir
- การใช้ยาแรนิทิดีนร่วมกับยาบางตัวที่รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ - บี เช่น Adefovir สา มารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากยาทั้ง 2 เพิ่มมากขึ้น ควรต้องปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะ สมโดยแพทย์เช่นกัน
- การใช้ยาแรนิทิดีนร่วมกับยาขยายหลอดลม เช่น Aminophylline, Theophylline อาจเกิดผลข้างเคียงของ Aminophylline และ Theophylline เพิ่มมากขึ้น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ ใจสั่น อาจมีอาการชักร่วมด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกันหรือต้องปรับขนาดการรับ ประทานของยาให้เหมาะสมโดยแพทย์เช่นกัน
- การใช้ยาแรนิทิดีนร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin สามารถทำให้เกิดอาการตกเลือดได้ หากพบอาการตกเลือด อาเจียน ปัสสาวะเป็นเลือด และ/หรืออุจจาระเป็นเลือด ปวดศีรษะ วิงเวียน ควรต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเพื่อการรักษา และเพื่อปรับขนาดการรับประทานของยาทั้งคู่
ควรเก็บรักษายาแรนิทิดีนอย่างไร?
สามารถเก็บยาแรนิทิดีนภายใต้อุณหภูมิห้อง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำ และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ยาแรนิทิดีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาแรนิทิดีนที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นๆและบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Acicare (เอซิแคร์) | Unique |
Aciloc (เอซิล็อก) | Cadila |
Histac (ฮีสแท็ก) | Ranbaxy |
Ramag (แรแม็ก) | T P Drug |
Ranicid (แรนิซิด) | M & H Manufacturing |
Ranid (แรนิด) | T. Man Pharma |
Ranidine (แรนิดีน) | Biolab |
Ranin-25 (แรนิน-25) | Umeda |
Ranit-VC Injection (แรนิท-วีซี อินเจ็กชั่น) | Vesco Pharma |
Rantac 150 (แรนแท็ก 150) | Medicine Products |
Rantodine (แรนโทดีน) | Utopian |
Ratic (แรติก) | Atlantic Lab |
Ratica (แรติกา) | L. B. S. |
R-Loc (อาร์-ล็อก) | Zydus Cadila |
Xanidine (แซนิดีน) | Berlin Pharm |
Zantac (แซนแท็ก) | GlaxoSmithKline |
Zantidon (แซนทิดอน) | Siam Bheasach |
บรรณานุกรม
1. http://en.wikipedia.org/wiki/Ranitidine [2014, July19]
2. http://www.mims.com/USA/drug/info/ranitidine/ [2014,July19]
3. https://mims.com/Thailand/drug/info/Zantac/?type=brief [2014,July19]
4. http://www.medicinenet.com/ranitidine_liquid-_oral/article.htm [2014,July19]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น